ราวปี 2550 เป็นต้นมา เราเคยใช้ชีวิตท่ามกลางความสับสน โดยไม่รู้ตนว่าเรากำลังสับสน เอาแต่เชื่อคนที่ทำมาก่อน เกิดก่อน เพื่อจะได้การยอมรับ เพื่อความก้าหน้าในอาชีพการงาน จากผู้ใหญ่ใจดี
ทำงานหนักแทบตาย และท้ายที่สุด เครดิตในการทำงานท้ายหนังสือผลงาน กลับเป็นชื่อของคนอื่น เหมือนตำแหน่ง….ดีเด่น อะไรสักอย่างที่เราได้รับ ที่เขาขอว่าให้เป็นของรุ่นพี่ก่อน เรารอรับปีหน้าแล้วกันเนาะ
ชุดความเชื่อ เกี่ยวกับวัฒนธรรมความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ที่หล่อหลอมพวกเรา มันก็ยังมีนัยของการเป็นพวกเขาพวกเรา เธอเชื่อไหมล่ะ?
ย้อนมองกลับมาที่ตัวเอง ในบางโอกาส ขณะที่เราบอกกับคนอื่นๆว่าคนเรามีความเสมอภาคเท่าเทียมกัน เราต้องช่วยกันสร้างสรรค์สังคม ด้วยการเข้ามาเป็นอาสาสมัครทีมเราสิครับ
“จะมีสักกี่งานกัน ที่เราเองก็ได้ประโยชน์ และ สังคมก็ได้ประโยชน์ “
Quote คำกล่าวในเครื่องหมายคำพูดนั่น คือ ประโยคเด็ดกระเทาะใจ จากผู้ใหญ่ใจดี ทำให้คนใสซื่อ อ่อนน้อม ถ่อมตน หัวอ่อน อย่าง ยุทธนา ลาออกจากงานบริษัทที่แสนจะมีความสุขอยู่แล้ว ผันตัวมาเป็นนักกิจกรรมทางสังคม เป็นคนใหญ่คนโตขึ้นมาหน่อยนึง ณ ห้วงเวลานึง
แต่เราว่า… สังคมเรามันก็มีความเสมอภาคได้ โดยไม่ต้องมีผู้ใหญ่ใจดี ไม่ต้องมีคนตัวเล็กตัวน้อย แค่มีระบบบริหารจัดการตรงกลางที่เป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยไม่ต้องถูกจำกัดการเข้าถึงได้แค่ผู้ใหญ่ใจดี หรือคัดกรองคนตัวเล็กตัวน้อยให้ต้องเข้าถึงได้โดยผ่านผู้ใหญ่ใจดี.